


กีฬาฟุตบอลยังคงเป็นกีฬาอันดับหนึ่งในดวงใจของชาวโลกและชาวไทย และเกิดคลื่นลูกใหม่จำนวนมากที่พร้อมจะเดินบนถนนสายนี้ นอกจากชื่อเสียงความโด่งดังแล้ว เงินทองยังไหลมาเทมายิ่งกว่าดารานักแสดงเสียอีก
การแข่งขันในธุรกิจสายนี้จึงเข้มข้นขึ้นใครไม่เจ๋งจริง ไม่เก่งจริงก็อย่าหวังที่จะเข้ามากอบโกยได้ ฉะนั้นแล้วลูกหลานเยาวชนรุ่นใหม่จึงใส่ใจกับการฝึกฝนกีฬาฟุตบอลเป็นพิเศษ
การจะทำให้เยาวชนแข็งแกร่ง ได้ว่ากันว่าจะต้องเริ่มจากอายุน้อยๆ เรียกว่า 5 ขวบก็ต้องรู้พื้นฐานแล้ว จากนั้น 7-8 ขวบก็เพิ่มพูนทักษะ และฝึกให้ต่อเนื่องจนอายุ 12 ปี ที่จะต่อยอดเข้าสู่สถาบันการศึกษา ได้เข้าใจเกมการแข่งขัน เข้าใจกติกา เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในสนามแข่ง อายุ 13-14 ปี ต้องเข้าสู่เส้นทางการเล่นทีมชาติ ที่จะได้โอกาสไปแข่งในระดับนานาชาติก็จะยิ่งเปิดโลกกว้างมากขึ้นจากนั้น 15-16 ปีก็เริ่มที่จะกล้าแกร่ง และต้องฉายแววความเก่งกล้าในช่วงนี้ด้วยติดเยาวชนทีมชาติและควรจะเข้าสู่ สโมสรอาชีพแล้ว
โดยจะเล่นในสนามหญ้าสี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือ สนามหญ้าเทียม โดยมีประตูอยู่กึ่งกลางที่ปลายสนามทั้งสองฝั่ง เป้าหมายคือทำคะแนนโดยพาลูกฟุตบอลให้เข้าไปยังประตูของฝ่ายตรงข้าม ในการเล่นทั่วไปผู้รักษาประตูจะเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่สามารถใช้มือหรือแขนกับลูกฟุตบอลได้ ส่วนผู้เล่นอื่นๆจะใช้เท้าในการเตะลูกฟุตบอลไปยังตำแหน่งที่ต้องการ บางครั้งอาจใช้ลำตัว หรือ ศีรษะ เพื่อสกัดลูกฟุตบอลที่ลอยอยู่กลางอากาศ โดยทีมที่พาลูกฟุตบอลเข้าประตูฝ่ายตรงข้ามได้มากกว่าจะเป็นผู้ชนะ ถ้าคะแนนเท่ากันให้ถือว่าเสมอ แต่ในบางเกมที่เสมอกันในช่วงเวลาปกติแล้วต้องการหาผู้ชนะจึงต้องมีการต่อเวลาพิเศษ และ/หรือยิงลูกโทษขึ้นอยู่กับกฎระเบียบของรายการแข่งขันนั้นๆ โดยกฎกติกาการเล่นสมัยใหม่จะถูกรวบรวมขึ้นในประเทศอังกฤษ โดย สมาคมฟุตบอลอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2406 ได้กำเนิดกติกาฟุตบอลขึ้นเพื่อเป็นแนวทางกติกาการเล่นในปัจจุบัน ฟุตบอลในระดับนานาชาติจะถูกวางระเบียบโดยฟีฟ่า ซึ่งรายการแข่งขันที่มีเกียรติสูงสุดในระดับนานาชาติคือการแข่งขันฟุตบอลโลกซึ่งจะจัดขึ้นทุกๆ 4 ปี
